หลังจากไปทำความสะอาดคอกม้า
ออกมาก็พบว่านาฬิกาพกของตน ได้หล่นหายไปเสียแล้ว
นาฬิกาพกเรือนนี้มีความหมายต่อเขาอย่างมาก
ด้วยเป็นของขวัญที่แม่ของเขาทิ้งไว้ให้
เขารีบวิ่งกลับไปที่คอกม้ารื้อหาจนทั่วบริเวณแทบพลิกแผ่นดินหา
แต่ก็หาไม่พบ...
เขาเดินออกมาจากคอกม้าด้วยเหงื่อที่ท่วมตัว
มองไปเห็นมีเด็กกลุ่มหนึ่งกำลังเล่นกันอยู่แถวนั้น
เขาจึงได้คิดว่าอาจเป็นเพราะตัวเองแก่แล้วหูตาฝ้าฟาง ทำให้หาไม่เจอ
เด็กชายบอกว่า "พอเข้าไปข้างใน
ผมก็ไม่ได้ทำอะไรเลย เพียงแต่นั่งเงียบๆ อยู่ที่พื้น
ไม่นานผมก็ได้ยินเสียง ติ๊กตอก ติ๊กตอก
จากนั้นผมก็เดินตามเสียงไป แล้วผมก็เจอนาฬิกาเรือนนี้"
................
ข้อคิดเตือนใจ
ขณะที่เรากำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับชีวิตหรือหน้าที่การงาน
บางครั้งก็จำเป็นอย่างมาก ที่จะต้องสงบจิตใจมาคิดตรึกตรองดูว่า
สิ่งที่เรากำลังทำอยู่นั้น ถูกต้องและเหมาะสมดีแล้วหรือเปล่า
และนี่ก็อาจเป็นความหมายที่แท้จริงของคำโบราณที่ว่า
"บนเส้นทางของชีวิต
บางครั้งก็ควรตึงเครียด
บางครั้งก็ควรผ่อนคลาย"
แต่ก็หาไม่พบ...
เขาเดินออกมาจากคอกม้าด้วยเหงื่อที่ท่วมตัว
มองไปเห็นมีเด็กกลุ่มหนึ่งกำลังเล่นกันอยู่แถวนั้น
เขาจึงได้คิดว่าอาจเป็นเพราะตัวเองแก่แล้วหูตาฝ้าฟาง ทำให้หาไม่เจอ
แต่เด็กๆ หูตายังแหลมคม น่าจาหาเจอก็เป็นได้
เขาจึงเรียกเด็กๆ มาแล้วบอกว่า
เขาจึงเรียกเด็กๆ มาแล้วบอกว่า
"เด็กๆ ถ้าใคร หานาฬิกาพกของลุงเจอ ลุงจะให้เงินคนนั้นหนึ่งเหรียญ"
เด็กๆ พากันวิ่งกรูเข้าไปในคอกม้า
จนเวลาผ่านไปนานโข ตอนที่เด็กๆ เดินกลับออกมาจากคอกม้าทีละคน
เด็กๆ พากันวิ่งกรูเข้าไปในคอกม้า
จนเวลาผ่านไปนานโข ตอนที่เด็กๆ เดินกลับออกมาจากคอกม้าทีละคน
ต่างมีสีหน้าผิดหวังที่หานาฬิกาพกไม่เจอ
ขณะที่ชาวหน้ากำลังถอดใจคิดจะเลิกหานั่นเอง
ก็มีเด็กคนหนึ่งมากระซิบกระซาบบอกกับเขาว่า"ผมจะลองเข้าไปหาดู!
อีกครั้งหนึ่ง แต่คราวนี้ขอให้ผมเข้าไปคนเดียวเท่านั้น"
ชาวนามองตามหลังเด็กชายไปอย่างไม่มั่นใจ
คิดในใจว่า..พวกเราแทบจะพลิกคอกม้าหา
ยังไม่เจอ...แล้วลำพังเด็กคนเดียว
จาหาเจอได้อย่างไร....
เด็กคนนั้นเข้าไปตั้งนาน
ก็ยังไม่กลับออกมา
ชาวนาเริ่มสิ้นหวัง
ในขณะชาวนาคิดจะเลิกรอและจากไปนั่นเอง
เด็กชายคนนั้นก็เดินออกมาจากคอกม้า
ในมือของเขาถือนาฬิกาพกเรือนหนึ่ง
ชาวนาถามด้วยความแปลกใจว่า "เจ้าหาเจอได้อย่างไร"
ขณะที่ชาวหน้ากำลังถอดใจคิดจะเลิกหานั่นเอง
ก็มีเด็กคนหนึ่งมากระซิบกระซาบบอกกับเขาว่า"ผมจะลองเข้าไปหาดู!
อีกครั้งหนึ่ง แต่คราวนี้ขอให้ผมเข้าไปคนเดียวเท่านั้น"
ชาวนามองตามหลังเด็กชายไปอย่างไม่มั่นใจ
คิดในใจว่า..พวกเราแทบจะพลิกคอกม้าหา
ยังไม่เจอ...แล้วลำพังเด็กคนเดียว
จาหาเจอได้อย่างไร....
เด็กคนนั้นเข้าไปตั้งนาน
ก็ยังไม่กลับออกมา
ชาวนาเริ่มสิ้นหวัง
ในขณะชาวนาคิดจะเลิกรอและจากไปนั่นเอง
เด็กชายคนนั้นก็เดินออกมาจากคอกม้า
ในมือของเขาถือนาฬิกาพกเรือนหนึ่ง
ชาวนาถามด้วยความแปลกใจว่า "เจ้าหาเจอได้อย่างไร"
เด็กชายบอกว่า "พอเข้าไปข้างใน
ผมก็ไม่ได้ทำอะไรเลย เพียงแต่นั่งเงียบๆ อยู่ที่พื้น
ไม่นานผมก็ได้ยินเสียง ติ๊กตอก ติ๊กตอก
จากนั้นผมก็เดินตามเสียงไป แล้วผมก็เจอนาฬิกาเรือนนี้"
................
ข้อคิดเตือนใจ
ขณะที่เรากำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับชีวิตหรือหน้าที่การงาน
บางครั้งก็จำเป็นอย่างมาก ที่จะต้องสงบจิตใจมาคิดตรึกตรองดูว่า
สิ่งที่เรากำลังทำอยู่นั้น ถูกต้องและเหมาะสมดีแล้วหรือเปล่า
และนี่ก็อาจเป็นความหมายที่แท้จริงของคำโบราณที่ว่า
"บนเส้นทางของชีวิต
บางครั้งก็ควรตึงเครียด
บางครั้งก็ควรผ่อนคลาย"