บทความดังกล่าวเล่าอย่างละเอียดว่า ผู้ต้องสงสัยจำนวนหนึ่งมีพลังลึกลับ สามารถสะกดจิตผู้คนให้แสดงท่าทางประหลาด สามารถทำให้สัตว์พูดภาษามนุษย์ได้ จนชาวบ้านตื่นตระหนก จึงถูกนำตัวมาไต่สวนด้วยข้อหาใช้ศาสตร์มืด
เมื่อบทความนี้แพร่กระจายออกไป (เรื่องลึก ลับพิศวงนั้น แพร่ไปได้ ไกลเสมอไม่ว่าจะยุคไหน ประเทศไหน) ชาวอเมริกันหลายคนรู้สึกตื่นกลัวอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม รายละเอียดของการไต่สวนดูพิลึกอย่างยิ่ง เช่น ผู้พิพากษาที่เสนอให้วัดน้ำหนักตัวผู้ต้องหากับคัมภีร์ไบเบิล ถ้าตัวหนักกว่าก็แสดงว่าไม่ใช่แม่มด (ฮา) หรือพยานที่เสนอว่าไม่ควรถ่วงน้ำแม่มด ควรจะให้ถอดเสื้อและว่ายน้ำโชว์ดีกว่า (ฮา)
แท้จริงแล้ว ปรากฏว่า บทความนี้เป็นเรื่องแต่ง เชื่อว่าเขียนโดย เบนจามิน แฟรงคลิน เจ้าของหนังสือพิมพ์เพนซิลวาเนีย กาเซ็ตต์ และต่อมาได้รับการยกย่องในฐานะรัฐบุรุษ หนึ่งใน ผู้ก่อตั้งสหรัฐอเมริกา
นายแฟลงคลินเป็นผู้ที่สนใจวิทยาศาสตร์และต่อต้านความงมงายอย่างมาก และคงต้องการล้อเลียนการไต่สวนคดีแม่มดที่เมืองซาเล็ม (Salem Witch Trial) เมื่อ 40 ปีก่อนหน้า ที่ปรากฏว่าเป็นการกล่าวหาผู้บริสุทธิ์ของฝ่ายเคร่งศาสนาเท่านั้น
การไต่สวนที่เมืองซาเล็มนี้ ต่อมากลายเป็นหน้าประวัติ ศาสตร์อัปยศของชาวอเมริกัน เป็นที่มาของคำว่า "ล่าแม่มด" ที่เกิดซ้ำรอยอีกระหว่างช่วงสงครามเย็น เมื่อฝ่ายขวาสหรัฐไล่ล่าและกล่าวหาฝ่ายตรงข้ามว่าเป็น "คอมมิวนิสต์"
คาดว่านายแฟลงคลินต้องการเตือนสติชาวอเมริกันอย่างมงายกับข่าวลือพิศวงต่างๆ ให้ง่ายนัก
ทว่า ผลลัพธ์ที่ได้กลับตรงกันข้าม เพราะหลายคนกลับเข้าใจผิดว่าเรื่องการไต่สวนแม่มดที่ภูเขาฮอลลี่เป็นเรื่องจริง
น่าคิดว่า มีเรื่องลึกลับพิศวงกี่เรื่อง ที่เกิดขึ้นเพราะเจตนาเช่นนี้ แต่ต่อมากลายเป็นปรากฏการณ์ที่ผู้คนเชื่อกันเป็นจริงเป็นจังด้วยความงมงาย?