กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
พระเจ้าได้ทรงเรียกนิ้วทุกนิ้วมาเข้าประชุมเพื่อจัดตำแหน่งของนิ้วต่าง ๆ
นิ้วแรกมีนิสัยเกเร และชอบกลั่นแกล้งนิ้วอื่นที่อ่อนแอกว่า
จึงไม่มีใครชอบและอยากคบด้วย พระเจ้าจึงทรงตั้งชื่อนิ้วนี้ว่า "นิ้วโป้ง"
พระองค์ทรงจัดให้นิ้วโป้งอยู่ไกลจากนิ้วอื่น ๆ มากที่สุด
และทรงเสกให้นิ้วโป้งเป็นนิ้วที่สั้นที่สุดเพื่อไม่ให้รังแกผู้อื่นได้อีกต่อไป
นิ้วต่อไป มีนิสัยถือตนว่าตัวเองมีอำนาจ ชอบใช้อำนาจสั่งโน่นสั่งนี่
พระเจ้าจึงทรงตั้งชื่อนิ้วนี้ว่า "นิ้วชี้" และทรงวางนิ้วชี้ไว้อยู่ข้าง ๆ
นิ้วโป้ง เพื่อนิ้วโป้งจะได้เกรงกลัวจนไม่กล้าเกเรหรือกลั่นแกล้งใครอีก
นิ้วต่อไปมีนิสัยรักความยุติธรรม มีความกล้าหาญและรักความถูกต้อง
พระเจ้าจึงทรงเสกให้นิ้วนี้เป็นนิ้วที่ยาวที่สุดเพื่อที่จะคอยดูแลนิ้วอื่น ๆ
ได้ และได้วางไว้ข้าง ๆ นิ้วชี้
เพื่อคอยเตือนสตินิ้วชี้ให้รู้จักใช้อำนาจที่มีอย่างยุติธรรม
และด้วยนิสัยรักความยุติธรรมนี่เอง พระเจ้าจึงทรงตั้งชื่อนิ้วนี้ว่า
"นิ้วกลาง"
นิ้วต่อไป เป็นนิ้วแห่งความรักและคำสัญญา มีนิสัยอ่อนโยน
ซื่อสัตย์และมั่นคงในความรักด้วยนิสัยคล้ายผู้หญิงนี่เอง
พระเจ้าจึงทรงตั้งชื่อนิ้วนี้ว่า "นิ้วนาง" และจัดวางนิ้วนางให้อยู่ข้าง ๆ
นิ้วกลาง เพื่อนิ้วกลางจะได้คอยดูแลนิ้วนางที่อ่อนโยนได้
นิ้วสุดท้าย "นิ้วก้อย" นิ้วก้อยเป็นนิ้วแห่งมิตรภาพ
เพราะฉะนั้นนิ้วนี้เป็นนิ้วที่เล็กที่สุด ฉะนั้น
จึงมักโดนนิ้วโป้งจอมเกเรแกล้งอยู่เป็นประจำ
พระเจ้าจึงทรงจับนิ้วก้อยไปวางไว้ข้าง ๆ นิ้วนาง ซึ่งไกลจากนิ้วโป้งมากที่สุด
บางทีพระเจ้าก็บอกอะไรเราจากนิ้วของเราเอง
พระองค์เสกนิ้วโป้งให้สั้น ๆ ดูน่าเกลียดเพื่อจะเตือนเราว่า ถ้าเราเป็นคนเกเร
นิสัยไม่ดี ถึงแม้ว่าเราจะดูดีอย่างไร เราก็จะเป็นคนน่าเกลียดในสายตาคนอื่น
ไม่มีใครอยากจะสมาคมด้วย
พระองค์จับนิ้วชี้ไว้ข้าง ๆ นิ้วโป้งเหมือนจะเตือนเราว่า
บางทีคนที่เกเรมาก ๆ
ก็อาจต้องให้คนที่มีอำนาจเหนือเขาหรือคนที่เขาเคารพเชื่อฟังดูแลเข้า
จึงจะทำให้เขาหยุดนิสัยเสียนั้นได้
พระองค์ทรงจัดนิ้วชี้ไว้ข้างนิ้วกลาง เพื่อเตือนเราเอีกว่า
ถ้าเรามีอำนาจอยู่ในมือ เราก็ต้องใช้มันอย่างถูกต้องและยุติธรรม
พระองค์ทรงสร้างนิ้วก้อยและนิ้วนางไว้อยู่ข้างกัน เพื่อบอกเราว่า...
มิตรภาพที่ดีนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของความรัก และไม่มีความรักแท้จริงใด ๆ
ในโลกที่ปราศจากมิตรภาพและการให้อภัยเช่นกัน ...