เนเธอร์แลนด์ ดินแดนของกังหันลมและดอกทิวลิป ( Netherlands , Holland )
เป็นหนึ่งในประเทศในฝันของหลายคน นอกจากนี้ยังมีทิวทัศน์สวยงามและพิพิธภัณฑ์ระดับโลก ทำให้ทุกแห่งในประเทศนี้โดยเฉพาะ อัมสเตอร์ดัม - เมืองหลวง คลาคล่ำไปด้วยผู้คนและนักท่องเที่ยว
สถานที่ท่องเที่ยวทุกที่ จะมีคนเข้าแถวกันยาวเหยียด และต้องรอคอยกันเป็นชั่วโมงกว่าจะได้เข้าชม หลายคนถึงกับถอดใจ แต่อาทิตย์นี้ เราขอเสนอทางเลือกที่จะทำให้สามารถชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ได้อย่างสบายใจ
พิพิธภัณฑ์บ้านแอนน์ แฟรงค์
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เคยเป็นบ้านของสาวน้อยแอนน์ แฟรงค์และครอบครัว พวกเขาต้องใช้ชีวิตอยู่ในห้องลับในบ้านนี้เพื่อหลบหนีการตามล่าของทหารนาซีเพราะเพียงว่าพวกเขาเป็นยิว ผู้คนรับทราบชะตากรรมของพวกเขาจากไดอารี่ของเธอที่เขียนระหว่างซ่อนตัว พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีคนต้องการเข้าชมมากมายแม้ต้องยืนเข้าคิวท่ามกลางพายุและหิมะตกหนัก
ทางเลือกหนึ่งคือ นักเดินทางสามารถจองบัตรเข้าชมผ่านเว็บไซท์ของพิพิธภัณฑ์ และเพียงแต่โชว์สำเนาของการจองนั้นให้เจ้าหน้าที่ดู พวกเขาก็จะสามารถเข้าชมได้โดยทันทีผ่าน “ทางเข้าพิเศษ” โดยไม่ต้องเข้าแถวเหมือนคนอื่น การจอง 1 ครั้งสามารถซื้อบัตรเข้าชมได้ถึง 14 ใบ แต่การจองแบบนี้ไม่มีการลดราคาสำหรับนักเรียน
นอกจากนี้ ในฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ปิดเวลา 3 ทุ่มและในฤดูท่องเที่ยวก็ยืดเวลาการปิดเป็น 4 ทุ่ม ส่วนเวลาที่ผู้เข้าชมน้อยที่สุดคือประมาณ 1 ทุ่ม ข้อแนะนำคือนักท่องเที่ยวควรเลือกมาชมพิพิธภัณฑ์ในช่วงเวลาดังกล่าว
พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์จู้ด
ถ้าคิวผู้เข้าชมที่พิพิธภัณฑ์แอนน์ แฟรงค์ยาวเหยียดอย่างไม่มีหวัง (จะได้เข้าชม) ขอแนะนำให้มาที่พิพิธภัณฑ์จู้ดเพราะที่นี่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมยิวได้อย่างดีไม่แพ้ที่ไหน ที่นี่มีชิ้นงานศิลปะและวัตถุโบราณมากมายกว่า 1,100 ชิ้น นอกจากนี้ยังมีข้อมูลมากมายเกี่ยวกับกองทหารนาซีที่พิฆาตชาวยิวไปมากมายในช่วงปี 2483-2488
ค่าตั๋วเข้าชมคือ 12 ยูโร หรือ 480 บาท แต่ราคานี้สุดคุ้มเพราะรวมค่าเข้าชมโบสถ์โปรตุเกสและอนุสรณ์สถานฮอลแลนด์ ชูเบิร์กที่อยู่ติดกันได้ด้วย
พิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะ
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวมากที่สุดในอัมสเตอร์ดัม หลายคนอาจจะหงุดหงิดหลังจากซื้อตั๋วเข้าชมที่ราคาไม่ถูกนัก (15 ยูโรหรือ 600 บาท) แต่ยังต้องยืนเข้าคิวรอเข้าชมท่ามกลางฝนหรือหิมะอีกด้วย นับตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงเดือนเมษายนปีนี้ ผลงานของแวนโก๊ะส่วนหนึ่งจะถูกนำไปแสดงที่พิพิธภัณฑ์อัมสเตอร์ดัม เฮอร์มิเทจ แต่ถ้านักท่องเที่ยวยังยืนยันที่จะเข้าชมพิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะ ขอให้เลือกไปชมช่วงพิพิธภัณฑ์เปิดเพื่อเลี่ยงนักท่องเที่ยวอื่นที่มักจะมากันในช่วงบ่าย
แต่เมื่อเข้าไปได้แล้วและเจอคนคลาคล่ำภายใน ขอแนะนำให้ออกมานั่งจิบกาแฟที่คาเฟ่ภายในพิพิธภัณฑ์และค่อยกลับเข้าไปอีกครั้งทั้งนี้เพราะเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์นี้มีความเชี่ยวชาญในการจัดการและระบายคน ดังนั้นนักท่องเที่ยวควรออกมาพักขาหรือนั่งจิบกาแฟและกลับเข้าไปเมื่อเห็นคนซาลง
พิพิธภัณฑ์สเตเดลิค
นักท่องเที่ยวที่รักศิลปะน่าจะชอบพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เพราะมีศิลปะสมัยใหม่และศิลปะร่วมสมัยจากยุคศตวรรษที่ 20 และ 21 ศิลปินชื่อดังอย่างแอนดี้ วอร์โฮลล์และอองรี มาทิสเซ่หรือคอลลเคชั่นของแวนโก๊ะก็เคยมาแสดงผลงานที่นี่ ผลงานที่จัดแสดงที่นี่จะทำให้คุณไม่รู้สึกเสียดายเงินค่าตั๋วที่จ่ายไป พิพิธภัณฑ์แห่งนี้อยู่ใกล้กับพิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะ
ย่านโลกีย์กลางเมืองอัมสเตอร์ดัม (Red Light District)
ในตอนกลางคืน ย่านนี้มีแต่ความสับสนวุ่นวาย นักท่องเที่ยวเดินแวะเวียนกันตามร้านต่างๆ ซึ่งขายสินค้าเกี่ยวกับทางเพศ หลายร้านมีหญิงสาวนุ่งน้อยห่มน้อยออกมาเรียกลูกค้า ยิ่งถ้าเป็นช่วงวีคเอนด์แล้ว ผู้คนยิ่งแน่นและแทบจะไม่ต้องเดินเอง การผลักกันไปมา คนเมาจากงานปาร์ตี้ต่างๆ เดินตุปัดตุเป๋ไปมา บางคนทะเลาะกัน หลายครั้งโสเภณีขว้างปาสิ่งของใส่นักที่ยกกล้องถ่ายพวกเธอทั้งๆ ที่รู้ว่ามีกฎห้ามถ่ายรูปผู้หญิงเหล่านี้
อย่างไรก็ตาม ย่านนี้มีประวัติศาสตร์มากมาย ตึกต่างๆ ก็สร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14-15 จึงขอแนะนำให้แวะเดินเล่นย่านนี้ในตอนประมาณ 10 โมงเช้า ร้านอาหารและบาร์บางร้านก็เปิดให้บริการแล้ว ในตอนกลางวัน คลองและสายน้ำในย่านนี้ก็สวยงามและบรรยากาศก็เงียบสงบ แต่นักท่องเที่ยวไม่ควรเข้าไปเที่ยวในย่านถนนวอร์มอร์สตาร์ทและดามสตาร์ทที่อยู่ติดกับย่านโลกีย์เพราะอันตราย บาร์และร้านอาหารก็ไม่สะอาด
นอกจากย่านโลกีย์นี้แล้ว อัมสเตอร์ดัมยังมีย่านที่อยู่ติดกับคลองซินเกลที่มีบริการทำนองเดียวกัน ที่นี่มีตึก โบสถ์ คลองและสวนสาธารณะที่สวยงาม