ความซวยประการที่ 1 ผ้าสีตก นรกชัดๆ
ถ้าคุณไม่แน่ใจว่าผ้าชิ้นนี้สีจะตกหรือเปล่า เรามีวิธีทดสอบค่ะ ด้วยการพรมน้ำลงบนผ้าให้หมาดๆ ในจุดที่เห็นไม่ชัด เช่นตะเข็บด้านใน รอ 1-2 นาที แล้วใช้ผ้าขาววางลงบนรอยหมาด แล้วดูว่ามีสีติดออกมาบ้างหรือไม่ความซวยประการที่ 2 เสื้อใหม่ทำได้เรื่อง
ก่อนซักลองดูก่อนนะค่ะว่าผ้าสีตกหรือไม่ ถ้าเป็นพวกสีตกต้องแยกไว้ต่างหาก โดยทดสอบกับผ้าเช็ดหน้าหรือถุงเท้าสีขาวเก่าๆที่เลิกใช้แล้ว เพื่อดูว่าสีหยุดตกหรือยังค่ะ ถ้าสีหยุดตกแล้วก็ค่อยเอาไปซักรวมปกติค่ะความซวยประการที่ 3 ชุดสุดเน๊า..เน่า
ถ้าผ้าสกปรกจนมากจนทนไม่ได้ ควรแช่ไว้ก่อนสักครึ่งชั่วโมง จะช่วยให้ซักง่ายขึ้นความซวยประการที่ 4 ซวยแบบไม่ได้ตั้งใจ
พวกกระดาษทิชชู่ ปากกา กระดาษโน้ตที่มีเขียนด้วยหมึกสักแผ่นก็ทำให้เสื้อผ้าสวยๆของเราเสียหายได้นะค่ะ ต้องตรวจดูให้ทั่วทั้งกระเป๋าเสื้อและกระเป๋ากางเกงความซวยประการที่ 5 ผ้าขาดวุ่นวิ้น
ต้องเย็บรอบขาดก่อนซักนะค่ะ ไม่อย่างนั้นรอยขาดจะยิ่งขาดมากขึ้นเรื่อยๆ ต้องรีบซ่อมแซมให้เรียบร้อยก่อนความซวยประการที่ 6 รอยเปื้อนสะเทือนใจ
ถ้าเสื้อผ้าเปื้อนต้องรีบทำความสะอาดเบื้องต้นทันที แล้วรีบเอาไปซักจะช่วยให้ขจัดคราบได้มากขึ้น ระวังอย่าให้คราบนั้นโดนความร้อน เพราะจะทำให้คราบนั้นติดแน่นมากยิ่งขึ้นความซวยประการที่ 7 ตากผ้า…ใต้ฝุ่น
เวลาจะตากผ้าดูนิดนึงว่าบริเวณนั้นมีฝุ่นเยอะไหม เพราะผ้าที่เปียกถ้าโดนฝุ่นแล้วจะทำให้สกปรกมากขึ้น จะได้ไม่เสียเวลามานั่งซักใหม่นะคะความซวยประการที่ 8 กลิ่นอับชื้น ผ้าไม่แห้ง ช่วงหน้าฝน
ให้นำสารส้มมาแกว่งในน้ำ แล้วนำผ้าที่เหม็นอับมาแช่ไว้คืนนึง จึงค่อยนำผ้ามาซักตามปกติ ควรตากให้โดนแดดเพื่อจะได้ขจัดกลิ่นด้วยและฆ่าเชื้อโรคไปในตัวค่ะ แต่อย่างพวกชุดชั้นในควรตากลม หรือโดนแดดอ่อนก็ได้ค่ะ เพื่อรักษาเนื้อผ้าหน้าฝนคราวนี้ก็ไม่ต้องกลัวแล้วนะคะ ว่าผ้าจะไม่สะอาดหรือมีกลิ่นอับให้อับอายใครๆ อีกแล้ว