ก่อนอื่นผมขอออกตัวก่อนนะว่า ผมไม่ได้อวยชาติใด และไม่ได้ด่าว่าใครชาติไหน แต่ขอวางแนวความคิดไว้ให้ทุกท่านที่ได้อ่านแล้วคิดตามนะครับ ผมเชื่อว่า ต่างคนต่างความคิดครับ
ญี่ปุ่นเนี่ยถือว่าเป็นชาติที่ใฝ่รู้มากๆ เราจะเห็นเสมอว่า เขาชอบอ่านหนังสือเวลาเดินทางไปทำงาน หรือแม้แต่นั่งอ่านบทความต่างๆบนมือถือ ดังนั้นเวลาคนญี่ปุ่นจะไปไหนที จะมีการ"ทำการบ้าน"ไว้แล้วว่า อะไรคือควรไม่ควร และจะระมัดระวังตัวเองและของข้าว รวมไปถึงมารยาทในการแสดงออกในที่สาธารณะด้วย เพราะเขาเองถือว่า นอกจากจะเป็นหน้าตาของตัวเองแล้วยังเป็นหน้าตาของประเทศชาติด้วย
ที่ผ่านมาเราเอาแต่พร่ำว่าทัวร์จีนคนจีนกันถึงเรื่องของมารยาทในการท่องเที่ยว คุณรู้มั้ยว่า คนจีนเป็นหลายๆล้านคน เข้าไม่ถึงการศึกษาเลยด้วยซ้ำ แถมอินเตอร์เน็ตยังมีการควบคุมจากรัฐบาล ทำให้เขาอยู่ในสังคมที่ "ปิด" มานาน เขาทำในสิ่งที่เขาคุ้นเคยกัน เพราะคิดว่า มันไม่ใช่เรื่องแปลก การถ่มน้ำลายในที่สาธารณะ คุยตะโกนเอะอะโวยวาย หรือแม้แต่การเบียดกันแซงคิวกัน เพราะนั่นคือสิ่งที่เขาคุ้นเคยและไม่เคยเข้าใจว่า สังคมโลกจริงๆ เป็นยังไง
แต่ปัจจุบัน รัฐบาลจีนมีทั้งรายการและใบปลิวให้ความรู้ต่างๆเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ หากเปรียบเทียบกับสมัยก่อนๆ แล้วอาจจะยังไม่ดีขึ้น ด้วยเพราะราคาค่าท่องเที่ยวที่ผูกติดกับราคาตั๋วเครื่องบินได้ลดลงอย่างมากมาย ทำให้คนจีนจำนวนมากแม้จะไม่ร่ำรวย และยังไม่เข้าถึงความรู้เรื่องนี้ ก็มีโอกาสมาท่องเที่ยวมากขึ้น
ต่างจากคนไทย ที่เรามีโอกาสเข้าถึงทุกๆอย่าง ไม่ว่าจะอินเตอร์เน็ต หนังสือท่องเที่ยวดีๆ หรือแม้แต่การใช้เฟซบุคและสื่อโซเชี่ยล เรามีโอกาสที่จะได้ "ทำการบ้าน" ได้ดีกว่าตั้งมากมาย หลายกลุ่มของทัวร์ไทยก็มีดีๆมากมาย และเช่นกัน อีกหลายๆกลุ่มกลับแย่จนน่าใจหายเลยทีเดียว เพราะความ "อะไรก็ได้ สบายๆคือไทยแท้" บางทีการที่เราทำอะไรไปด้วยความคุ้นเคย เพราะคิดว่าไม่เป็นไร เราอยู่ในกลุ่มคนไทยของเราเอง มันทำให้แลดูกลับกลายเป็นความมักง่าย ไร้กาละเทศะ และแลดูไร้การศึกษาในสายตาของเจ้าถิ่นที่เราแวะไปเยี่ยมเยือน
ในปัจจุบัน ญี่ปุ่นสร้างสภาวะปลอดวีซ่าให้เราได้มีโอกาสเดินทาง เพราะเขาดูจากสถิติที่คนไทยขอวีซ่าท่องเที่ยว ว่า เราให้ความสนใจในประเทศเขามาก กอปรกับราคาของตั๋วเครื่องบินทั้ง low cost และ premium ที่แข่งกันถูกลงเพื่อแย่งลูกค้า ทำให้คนไทยมากมายที่ไม่เคยฝันหรือมีโอกาสจะได้ไป มีโอกาสในชีวิต คนไทยจำนวนมากจึงหลั่งไหลไปเที่ยว ดั่งกับไปเดินจตุจักร ยิ่งช่วงหน้าเทศกาลต่างๆแล้ว ยิ่งเหมือนเดินอยู่เชียงใหม่ มีแต่เสียงคนพูดภาษาไทยเต็มไปหมด
ในบรรดานักท่องเที่ยวเหล่านี้ มีทั้งคนที่มีความรู้ ทำการบ้านมาก่อนการเดินทาง และใส่ใจในเรื่องของมารยาทในที่สาธารณะมากมาย แต่ก็ยังมีส่วนหนึ่งอีกเหมือนกันที่ไม่เคยสนใจหรือแคร์สายตาคนมองว่าจะทำให้เจ้าถิ่นเขารู้สึกแค่ไหน คนญี่ปุ่นส่วนมากมักจะไม่ค่อยสนใจหรือยุ่งเรื่องชาวบ้าน เพราะถือว่าเขาสร้างขอบเขตของตัวเองเอาไว้ และเคารพขอบเขตซึ่งกันและกัน ทำให้บ้านเมืองเขามีระเบียบแบบแผนที่ดีมาตลอด แม้จะแลดูแล้งน้ำใจ แต่เชื่อมั้ยว่า หากคุณเริ่มเอ่ยปากขอความช่วยเหลืออะไรสักเรื่อง เขาก็ยินดีที่จะช่วยในสถานะที่เขาทำได้เสมอ
ในสถานที่ท่องเที่ยวดังๆที่คนไทยเริ่มแวะเวียนกันไปมากขึ้น เริ่มมีป้ายบอกข้อมูลเป็นภาษาไทย มีแม้แต่คำเตือนเช่น
กรุณาเข้าแถวเพื่อจ่ายค่าสินค้า
กรุณาตักแต่พอรับประทาน
กรุณาอย่านำรถเข็นไปที่ลานจอดรถ
กรุณาเก็บรถเข็นหลังใช้แล้ว
กรุณาอย่ากระโดดลงบ่อน้ำแร่
กรุณาอย่าใช้เสียงดัง
ห้ามเหยียบขอบโถ
ค่อยๆตัก ไม่ต้องรีบ ทานให้หมด
กรุณากรอกข้อมูลของท่านให้ครบก่อนเข้าแถวเพื่อขอคืนภาษี
กรุณา...........ฯลฯ
หากเราอ่านข้อความพวกนี้เพียงผ่าน เราอาจจะเข้าใจแค่ว่า เออ ! ดีจัง เขาใส่ใจเอาภาษาไทยมาแปะบอกด้วย แต่ถ้าเราอ่านข้อความพวกนี้ แล้วมองถึงพฤติกรรมที่ทำให้มีข้อความนี้ขึ้นมาลึกๆแล้ว คุณจะเริ่มที่จะเข้าใจ ที่ผ่านมามีคนที่ "ไม่ทำการบ้าน"มากแค่ไหน มีการเตือนด้วยคำพูดแล้วก็ไม่ได้ผล จนเขาต้องทำ "ป้ายภาษา" เหล่านี้ขึ้นมา บอกตรงๆนะ ผมไม่ค่อยดีใจเลยที่ได้เห็น ผมกลับสะท้อนใจมากกว่าว่า คนญี่ปุ่นที่ต้องดีลกับคนไทยมากขึ้น เริ่มสร้าง "ขอบเขต" ให้พวกเราได้มองเห็นและเข้าใจได้เด่นชัดกว่าเดิมแค่ไหน
เห็นป้ายพวกนี้แล้วสะท้อนใจบ้างมั้ยครับ นึกถึงที่เราทำกับทัวร์จีนในป้านเรามั้ย ...................... ป้ายบอกห้ามเป็นภาษาจีน ฉันใดฉันนั้น
ช่วงหลังๆมานี้ นักท่องเที่ยวไทย ถือว่าเป็นหนึ่งในชนชาติที่ญี่ปุ่นขยาดที่สุด เพราะไหนจะแซงคิว เสียงดัง ชอบนั่งตามพื้นห้าง ทิ้งขยะ และชอบพูดจาแย่ๆกับพนักงานขายของ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ญี่ปุ่นถือว่าเป็นการไร้กาละเทศะเป็นอย่างมาก และยิ่งหลายคนที่มาญี่ปุ่นตอนนี้ สวมสัญลักษณ์ธงชาติ มันยิ่งบอกชัดเจนว่าเป็นใครมาจากไหน หลายๆสถานที่ท่องเที่ยวติดป้ายประกาศเตือนในเรื่องมารยาทเป็นภาษาไทยภาษาเดียวเลยก็มี พวกพนักงานขายของตามแบรนด์ที่คนไทยชอบมาซื้อก็บ่นคนไทยจนไม่เหลือ
ถ้าให้พูดเรื่องรถไฟอย่างเดียว เพราะหลังๆเห็นคนมาเที่ยวเองเยอะ ส่วนมากในรถไฟ ควรปิด เสียงมือถือ และ เลี่ยงการคุยโทรศัพท์ หรือคุยเสียงดัง ถ้าอยู่ในโซนที่ที่จับเป็นสีส้มควรปิดมือถือ เพราะว่าบางทีจะมีผู้ป่วยที่ใช้เครื่องช่วยการเต้นของหัวใจ คนญี่ปุ่นจะ เลี่ยงรถไฟช่วงเร่งด่วน (8-10โมงเช้า) ถ้าไม่จำเป็น (คือไม่ต้องทำงาน) และจะเลี่ยงการนำสิ่งของใหญ่ๆอย่างกระเป๋าเดินทาง หรือเบบี้คาร์ขึ้นในช่วงเวลานี้ เพราะถือว่าทุกคนต้องรีบ และไม่ควรระรานสิทธิของผู้อื่น แต่ถ้าจำเป็นจริงๆ ให้พยายามขึ้นท้าย หรือหัวขบวนที่ไม่แน่นนัก หรือสังเกตุตรงแพลทฟอร์มจะมีบอกว่าจุดไหนเป็นจุดที่แน่น(จุดใกล้บันไดทางขื้นลง) แม้ที่ญี่ปุ่นจะไม่ค่อยมีน้ำใจในการสละที่นั่งให้ผู้หญิง เด็กหรือคนมีอายุ แต่เค้าก็พยายามรักษากฏเท่าที่ทำได้ โดยไม่ระรานผู้อื่น
คนไทยเขามีนิสัยอยากอวด อยากโชว์ อยากเป็นจุดเด่น อยากให้คนมองอยากให้คนชม นิสัยเหมือนเด็กที่เลิ้ยงไม่โต เช่นชอบโชว์ ของแบรนเนมอวดกัน โชว์รูปลงอวดกันเวลาได้ไปเที่ยวได้ไปทานของแพงๆอร่อยๆ อวดแม้กระทั่งตัวเองแอบขึ้นรถไฟที่ผิดขบวนและไม่ยอมเสียเงินเพิ่ม ทั้งๆที่ครอบครัวนี้มีพ่อเป็นถึง ดร. ที่น่าจะเป็นคนให้การศึกษาที่ดีแก่ลูกๆของตัวเอง
มุมมองทางหนึ่งคนอาจคิดว่าเป็นคนกล้าแสดงออกกล้าโชว์ แต่คนญี่ปุ่นเขาก็มองไปอีกทางพวกบ้าโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่ใช่เด็กๆ ควรรู้จักมารยาท รู้จักกาละเทศะ รู้จักการวางตัว รู้ว่าอะไรควร อะไรมิควร รู้จักการควบคุมสติและอารมณ์
คนญี่ปุ่นเป็นคนไม่ค่อยติหรือว่าใครต่อหน้าจริงๆ หากเขายังคิดว่าพอทนไหว แต่ป้ายภาษากำกับพวกนี้แหละ คือ คำด่าทอให้กับการ "ไม่ทำการบ้าน" ของคนไทย ได้อย่างแยบยลและเจ็บปวดที่สุด เพราะคนไทยเป็นชาติที่ได้อยู่รวมกันแล้วจะฮึกเหิม กล้าในสิ่งที่ไม่ควรจะทำ และทำอะไรตามใจคือไทยแท้จริงๆไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน
ผมเชื่อว่า เรื่อง "จิตสำนึกเพื่อส่วนรวม" ของคนไทยยุคนี้ สร้างได้ยากมากๆ หากเราไม่คิดจะกระจายข้อมูล ส่งต่อหรือตักเตือนกันเอง ก็อย่าแปลกใจกับสายตาที่เขามองมาว่า ทำไมมันเย็นชาและเปลี่ยนไป ทั้งหมดนี้ผมโทษระบบการศึกษาของไทยที่ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง
และอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญมากๆ คือ บริษัททัวร์ ที่มีไกด์นำเที่ยว อยากให้ไกด์คนไทยที่น่ารักหลายๆท่าน ช่วยแจ้ง เตือน บอกกล่าวดีๆกับลูกทัวร์ของท่านด้วยสักนิด เขาจะทำตามหรือไม่ คงไปกำหนดอไรให้ไม่ได้ แต่อย่างน้อยเราก็ได้พูดเตือนอะไรไปบ้าง คนที่เขามีพื้นฐานที่ดี เขาจะเกิดความละอายใจและไม่ทำอีก
ทั้งหมดนี้คือความเห็นส่วนตัวนะครับ ผมไม่ได้โจมตีใคร ทุกสังคมมีทั้งคนดีและคนไม่ดีปะปน เพียงแค่คนไม่ดี มันเหมือนจุดดำบนผ้าขาว มันเลยกลายเป็นจุดสนใจขึ้นมา
ผมยังเชื่อว่า คนไทย หากได้รับการบอกกล่าวและเตือนกันเองแบบดีๆ จะสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้ไม่ยากครับ
*** ขอเพิ่มเติมอะไรอีกนิดนะครับ
ขอบพระคุณนะครับที่เข้ามาอ่านและแสดงความคิดเห็นพร้อมส่งต่อ ขอพูดอะไรอีดนิดนะครับว่า นี่คือความเห็นส่วนตัวของผม ผมพูดในมุมมองของคนที่เดินทางมาตลอด 25 ปี และเดินทางเข้าญี่ปุ่นปีๆหนึ่งไม่ต่ำกว่า 50 ครั้งต่อปีว่า คนไทยหลายๆคนเดี๋ยวนี้มีพฤติกรรมที่แย่มากๆและไม่ยอมรับตัวเองด้วยว่า สิ่งที่ทำนั้นเเย่มากๆ เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ หลายๆคอมเมนท์ที่เข้ามาแบบแย่ๆ โดยไม่อ่านให้ละเอียดและทำความเข้าใจให้ดีก่อนว่า ผมพยายามตั้งใจจะสื่ออะไรให้ฟัง ผมจะขอลบออกหมด เพราะรู้สึกป่วยการที่จะให้ความเข้าใจกับเจ้าของคอมเมนท์พวกนั้น
สำหรับท่านๆที่เข้าใจและส่งต่อให้ ขอขอบคุณนะครับที่ช่วยกันพยายามให้ความเข้าใจแก่คนไทยในการปรับปรุงพฤติกรรมและให้การบ้านความคิดกับคนอื่น เพื่อชื่อเสียงของไทยที่นะไม่มีใครมาดูถูกอีกในวันข้างหน้า
เครดิตภาพ และ บางตอนของบทความนี้ จากกูเกิ้ลครับ
บทความนี้ คัดลอกจาก FB : Kunphas Tohteh Rommanee
เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2558