มดตัวเล็กๆ กัดคนตายได้จริงหรือ?

เคยมีข่าวเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ.2549 ระบุมีผู้เสียชีวิตสาเหตุจากถูกมดตะนอยเพียงตัวเดียวต่อย โดยเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลใน จ.นครสวรรค์ ผู้เสียชีวิตรายนี้เป็นชายไทยอายุ 39 ปี ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในสภาพโคม่า เป็นเจ้าชายนิทรา ก่อนเสียชีวิต ญาติที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า ขณะผู้ตายออกไปหาปลาในแม่น้ำน่านได้ร้องขึ้นด้วยความตกใจว่าถูกมดตะนอยต่อย จึงรีบเข้าไปช่วยเหลือ เพราะผู้ตายเป็นคนแพ้มดและแมลงที่มีเหล็กในอย่างรุนแรง ซึ่งก่อนหน้านี้เคยถูกมดกัดและผึ้งต่อยก็มีอาการถึงขั้นต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล และแพทย์เคยเตือนให้ระมัดระวัง ทั้งนี้ขณะที่เข้าไปช่วยเหลือ ผู้ตายนอนหมดสติ มีมดตะนอยขนาดใหญ่กัดติดอยู่ที่ง่ามมือ ระหว่างนำส่งโรงพยาบาล อาการทรุดหนัก หน้าดำคล้ำ และเป็นเจ้าชายนิทราตั้งแต่นั้น

แพทย์ผู้รักษาแจ้งให้ว่าอาการแพ้อย่างรุนแรงทำให้ผู้ตายหายใจไม่ออก ส่วนที่หน้าดำ เนื่องจากอาการแพ้ที่เกิดขึ้นทำให้หลอดลมในปอดหดตัว ทำให้ลมหายใจไม่สามารถเข้าไปในถุงลมปอดเพื่อฟอกเลือดได้ ภาวะแพ้ชนิดนี้มักจะทำให้ความดันเลือดลดลง ทำให้ร่างกายและสมองขาดเลือดไปหล่อเลี้ยง เซลล์สมองตาย ช็อก หมดสติ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

สำหรับการแพ้สัตว์มีพิษอย่างรุนแรงและเสียชีวิตนี้ พบได้เพียง 1 ในล้านคนเท่านั้น ศ.นพ.วินัย วนานุกูล หัวหน้าศูนย์พิษวิทยา โรงพยาบาลรามาธิบดี อธิบายเรื่องนี้ไว้ว่า เมื่อถูกแมลงกัด ความเจ็บป่วยที่จะเกิดขึ้นมีได้ 2 ชนิดคือ พิษจากแมลงโดยตรง หรือเกิดแพ้สารที่แมลงปล่อยออกมา และมีการแพ้ชนิดหนึ่งที่เรียกว่า แอนาฟีแลกซิส- anaphylaxis ที่ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ ตามหลักฐานข้อมูลทางวิชาการ พิษจากแมลงที่ทำให้เกิดอาการเป็นพิษจนถึงขั้นเสียชีวิตที่พบบ่อย มักเกิดจากตัวต่อหรือผึ้งจำนวนมากกว่า 20 ตัวต่อย ส่วนมด ยังไม่มีรายงานว่าพบทำให้เกิดพิษรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต โดยเฉพาะมดตัวเดียว กรณีนี้จึงไม่น่าจะเกิดจากพิษโดยตรงของมด แต่เป็นจากการแพ้มากกว่า

การแพ้สารพิษในแมลง กรณีนี้ไม่ขึ้นกับจำนวนหรือขนาดของสารที่ได้รับ อาจจะเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับสภาวะร่างกายของแต่ละคน เช่น บางคนโดนต่อต่อยแต่ไม่มีการแสดง อาการใดๆ ขณะที่อีกคนร่างกายแพ้สารพิษจากตัวต่อ แม้ได้รับพิษจากต่อเพียง 1 ตัว ก็อาจทำให้เกิดอาการแพ้เป็นอันตรายจนถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้

อาการแพ้พิษจากแมลงสังเกตได้โดยอาการเริ่มต้นจะมีผื่นบวมแดงขึ้นตามตัวอย่างผิดปกติ บางรายมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสียร่วมด้วย ตามมาด้วยอาการหายใจลำบาก อึดอัด แน่นหน้าอก ความดันเลือดตก ซึ่งจะเป็นอันตรายหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที โดยระยะเวลาในการแสดงอาการจะต่างกันออกไป ตั้งแต่เป็นนาที จนถึงเป็นชั่วโมง เมื่อได้รับพิษจากแมลง สัตว์และเกิดอาการแพ้โดยมีอาการเหมือนข้างต้น จะต้องไปพบแพทย์ทันที หากปล่อยให้อาการหนักจนถึงขั้นหายใจไม่ออก ความดันตก จะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

ส่วนการกินยาแก้แพ้เพื่อรักษาตนเองมักจะไม่ได้ผลทันเวลา ถ้าเป็นอาการแพ้ชนิดที่รุนแรงจำเป็นต้องให้ยาชนิดหนึ่งชื่อ เอพิเนฟริน (epinephrine) หรืออะดรีนาลิน (adrenalin) และต้องฉีดเข้าหลอดเลือดดำ หรือใต้ผิวหนังเพื่อขยายหลอดลมและเพิ่มความดันโลหิตโดยตรง ซึ่งยาจะออกฤทธิ์ทันทีจึงจะสามารถช่วยได้ทันผู้ป่วยควรได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน หากช้าเกินไปจนสมองขาดออกซิเจนก็ไม่สามารถช่วยชีวิตได้ทัน

การดูแลตนเองเบื้องต้น 1.มีเหล็กในอยู่ในแผลจะต้องเอาเหล็กในออกให้หมด 2.ประคบความเย็นเพื่อลดความเจ็บปวด 3.ล้างแผลด้วยน้ำสะอาดและสบู่ แล้วทาครีมสเตียรอยด์ 4.ถ้าปวดมากให้กินยาพาราเซตามอล 5.รายที่ถูกต่อต่อยควรกินยาแก้แพ้ร่วมด้วย 6.ถ้าผื่นมีเส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่า 2 นิ้ว หรือมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง แน่นหน้าอก หายใจลำบาก หรือถูกกัดต่อยเป็นจำนวนมากกว่า 20 จุด ต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที