สัญญาณว่า คุณกำลังเป็นโรคความเครียด

จากสภาวะปัจจุบันเศรษฐกิจของประเทศอยู่ในขั้นตกต่ำ เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนเกิดความเครียดตามไปด้วย จะเห็นได้จากข่าวหนังสือพิมพ์รายวัน หรือโทรทัศน์มีข่าวการฆ่าตัวตายกันเป็นรายวัน สาเหตุหนึ่งเกิดจากความเครียด อันเนื่องจากเศรษฐกิจตกต่ำ เช่น การสุญเสียกิจการ ผู้คนตกงานหางานใหม่ทำไม่ได้ ค่าใช้จ่ายที่เคยได้ประจำก็ขาดหายไป เช่น ค่านม ค่าเทอมลูก ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถยนต์ ปากท้องตัวเอง

บางครั้งนักเรียนนักศึกษาผิดหวังจากการสอบได้คะแนนไม่ดี หนุ่มสาวผิดหวังจากความรัก และจากสาเหตุอื่น ล้วนแต่ทำให้เกิดความเครียดได้ทั้งสิ้น บางคนเกิดความเครียดโดยไม่รู้ตัว กว่าจะรู้ก็สายเสียแล้ว ผู้เขียนได้รวบรวมอาการต่างๆ ที่เป็นสัญญาณว่ากำลังเป็นโรคความเครียดไว้ดังนี้



1. มีเหงื่อออกมาก มือและเท้าเย็นผิดปกติ
2. ปัสสาวะบ่อย
3. มีความกังวล ขาดสมาธิ
4. เสียงเปลี่ยนไปจากเดิม เช่น เสียงสั่นเครือ หรือบางคนเริ่มพูดติดอ่าง
5. มีการตอบสนองต่อสิ่งที่มากระทบด้วยอารมณ์ที่รุนแรง

6. ควบคุมอารมณ์ไม่ได้
7. นอนไม่หลับ (ตาค้าง) ขณะหลับไปจะฝันร้าย
8. อ่อนเพลียและเหนื่อยง่าย เมื่อผิดหวังมีอาการซึมเศร้า
9. ขณะบรรยายหรือถูกเชิญให้พูดในพิธีต่างๆ จะประหม่าอย่างรุนแรง เช่น มือสั่น ตัวสั่น หน้าผากย่น และเริ่มมีสิวขึ้นทั้งๆ ที่ไม่ได้อยู่ในวัยที่จะมีสิว ขึ้น
10. ขาดความมั่นใจในการตัดสินใจ

11. เบื่ออาหาร หรือรับประทานอาหารมากขึ้น บางรายรับประทานอาหารแล้วอาหารไม่ย่อย
12. มีลมหรือแก๊สในกระเพาะ ลำไส้มาก บางรายท้องผูก หรือท้องเดิน บางรายจะหายใจเร็วและถี่ขึ้น กระสับกระส่าย
13. โรคบางโรคเกิดขึ้นมาใหม่ เช่น คนที่เคยเป็นไวรัส " เริม" ซึ่งหายไปแล้วก็จะกลับมาเป็นอีก
14. คลื่นไส้บ่อย แต่ไม่อาเจียน
15. ขณะนอนหลับจะกัดฟังเสียงดัง (Bruxism)

16. กล้ามเนื้อต้นคอเกร็ง ปวดต้นคอและปวดหลัง
17. ร่างกายมีความรู้สึก ร้อน หรือหนาว แม้อุณหภูมิปกติ
18. ความรู้สึกทางเพศลดน้อยลง
19. ปวดศรีษะ (ไมเกรน) ถึงแม้จะหายไปแล้วก็กลับมาเป็นอีก และจะเป็นถี่ขึ้นกว่าเดิม
20. ความจำเลอะเลือน สับสน ชีพจรเต้นเร็ว เจ็บหน้าอก ความดันโลหิต ที่ปกติเริ่มสูงขึ้น ปวดศรีษะ วิงเวียน หน้ามืด คอแห้ง ปากแห้ง และดื่มน้ำบ่อยขึ้น
21. มองอะไรในแง่ลบตลอดเวลา

22. ไม่ชอบอยู่นิ่งๆเมื่อคนไข้มาพบแพทย์ แพทย์จะตรวจพบว่าน้ำหนักตัวลดหรือ อาจเพิ่มขึ้น แล้วแต่อาการที่บอก แพทย์ที่มีประสบการณ์จะใช้คำถามยั่วยุให้คนไข้ตอบสนองเพื่อดูว่าควบคุมอารมณ์ได้หรือไม่ เวลาตอบคำถามจะขาดความมั่นใจ หน้าตาไม่สดใส มีอาการซึมเศร้าอย่างเห็นได้ชัด คนที่สูบบุหรี่หรือดื่มสุราก็จะสูบและดื่มมากขึ้นแพทย์ตรวจหน้าท้องจะพบว่าท้องโตกว่าปกติ เคาะดูจะมีแก๊สในท้องมาก คลำกล้ามเนื้อ คอหลัง จะเกร็ง เอาหูฟังหน้าอกจะหายใจเร็วตื้นๆสังเกตขอบตาจะเขียวและดำ มือจะมีเหงื่อออกและเย็นตลอดเวลา ทั้งหมดเป็นอาการที่คนไข้บอก และแพทย์ตรวจพบว่าเป็นโรคเครียด

ทำไมคนไข้จึงมีอาการเช่นที่กล่าวมาแล้ว ที่เป็นเช่นนั้นเพราะเวลาคนไข้มีความเครียด ร่างกายจะมีการหลั่งสารสเตียรอยด์ (steroid) เพิ่มขึ้น ซึ่งสารตัวนี้จะทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นแต่ทำให้ภูมิคุ้มกันต่อโรคลดลง มีการหลั่งของกรดน้ำย่อยในกระเพาะสูงขึ้น จึงมีอาการท้องอืดและแน่นท้อง การที่มีสเตียรอยด์สูงนานๆ จะทำให้กระดูกบางและผุกร่อนได้ โดยเฉพาะในผู้หญิงที่ใกล้หมดประจำเดือน เครียดมากจะมีการหลั่งอดรีนาลิน (adrenalin) เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งจะทำให้ชีพจรหัวใจเต้นเร็วหลอดเลือดแดงบีบตัวแคบลง มือเท้าจึงเย็นดังกล่าว เลือดจะไปเลี้ยงหัวใจไม่พอทำให้เจ็บหน้าอกได้ การเผาผลาญหรือการสันดาปของร่างกายจะเพิ่มขึ้น การใช้อินซูลิน (insulin) มากจนไม่มีจะใช้ จนกระทั่งเป็นโรคเบาหวานตามมา

 นอกจากเลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่พอแล้ว เลือดยังไปเลี้ยงสมองน้อยลงด้วย จึงทำให้มึนศรีษะ พร้อมกับเสียความทรงจำเมื่อเครียดไปได้ระยะหนึ่ง การหลั่งของฮอร์โมนทางเพศลดลง ความรู้สึกทางเพศจะต่ำลง ซึ่งก่อให้เกิดปัญหากับครอบครัวทำให้เกิดการหย่าร้างตามมา ตรงกันข้ามกับคนที่ออกกำลังกาย และนั่งสมาธิได้ถึงระดับหนึ่ง ร่างกายจะสร้างสารปิติ (endophine) ซึ่งจะใช้ในการรักษาบำบัดโรคเครียดต่อไป