ไข่มุกแบบต่างๆ ชนิด ประเภทของไข่มุก
1. ไข่มุกธรรมชาติ
เกิดขึ้นได้โดยมีสิ่งพลัดหลงเข้าไปในตัวของหอย อาจจะเป็นจำพวก กรวด หิน ดิน ทราย ฯลฯ หอยเกิดการระคายเคืองหอยจึงหลั่งน้ำมุก ซึ่งเป็นสารละลายแคลเซียมคาร์บอเนตออกมา เคลือบสิ่งแปลกปลอมนั้นเป็นชั้นหนาขึ้นเรื่อยๆ เพื่อลดการ ระคายเคือง
ขนาดของไข่มุกขึ้นอยู่ที่ระยะเวลาการเลี้ยง ยิ่งนานยิ่งมีขนาดใหญ่ แต่ต้องไม่เกินเวลาที่กำหนดไว้ ไข่มุกธรรมชาติจะมีรูปทรงที่ไม่แน่นอน อาจจะไม่ตรงกับความต้องของตลาดสักเท่าไหร่
2. ไข่มุกเลี้ยง
เกิดขึ้นจากมนุษย์เป็นผู้คิดค้นและ เลียนแบบธรรมชาติโดยนำหอยที่เป็นๆมางัดฝาแล้วฝั่งเนื้อเยื้อ หรือนิวเคลียสเข้าไปในตัวของหอยหลังจากนั้นจะนำหอยไปเลี้ยง และทุกขั้นตอนการผลิตจะต้องผ่านการควบคุมดูแลจากผู้ลงทุนให้ได้ผลผลิตตามความต้องการของตลาด ดังนั้น ไข่มุกธรรมชาติหรือไข่มุกเลี้ยงล้วนเป็นไข่มุกแท้ทั้งสิ้น
3. ไข่มุกแท้
เบื้องต้นขอแนะให้สังเกตที่ มุกแต่ละเม็ดจะมี สีเข้มหรืออ่อน, ขนาดใหญ่หรือเล็ก, มีตำหนิมากน้อยไม่เท่ากัน วิธีพิสูจน์ง่ายๆคือนำไข่มุกแท้ 2 เม็ด มาถูกันจะรู้สึกได้ว่าสากๆและมุกแท้จะมีความวาวลึกๆไข่มุกปลอมนั้นสีหรือความมันวาวจะดูด้านๆ
4. ไข่มุกน้ำเค็ม
ไข่มุกน้ำเค็มมีหลายสายพันธ์ด้วยกัน ไข่มุกจากหอยน้ำเค็มจะสังเกตยากว่า กว่ามุกน้ำจืด ว่าแท้หรือเทียม ดังนั้นก่อนที่ท่านจะตัดสินใจซื้อไข่มุกจากหอยมุกน้ำเค็ม ขอแนะนำให้ท่านเลือกซื้อจากจากร้านที่ไว้วางใจได้ มีใบรับรอง และสามารถ อธิบายหรือตอบคำถามชนิดของไข่มุกได้อย่างชัดเจนเพราะไข่มุกน้ำเค็มจะมีราคาค่อนข้างสูงไปถึงสูงมากๆ การเลี้ยงไข่มุกน้ำเค็มจะมีต้นทูนสูงหอย 1 ตัวสามารถผลิตได้ 1เม็ดเท่านั้นใช้ระยะเวลาในการเลี้ยง 2-3 ปี และไข่มุกน้ำเค็มจะมีแกนกลางเป็นเม็ดพลาสติก หรือนิวเคลียสอยู่ด้านในของไข่มุกทุกเม็ด ผู้ที่ประสบความสำเร็จในการผลิตไข่มุกน้ำเค็ม คือที่ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ และภูเก็ต ฯ
5. ไข่มุกน้ำจืด หรือผลิตจากหอยน้ำจืด
สังเกตง่าย มุกจะมีรูปร่างลักษณะหลากหลายไม่แน่นอนสามารถจิตนาการรูปร่างได้ต่างๆนาๆ เพราะว่าส่วนใหญ่การเลี้ยงไข่มุกน้ำจืดจะไม่นิยมฝั่งนิวเคลียส ดังนั้นไข่มุกน้ำจืดจึงไม่มีแกนกลาง วิธีการเลี้ยง จะตัดชิ้นเนื้อของหอยตัวอื่นเป็นชิ้นเล็กๆสอดเข้าไปในตัวของหอยที่ต้องการจะเลี้ยง1ชิ้นสามารถผลิตไข่มุกได้ 1 เม็ด 1 ตัว สามารถให้ผลผลิตได้ถึง 20-50 เม็ด ใช้ระยะเวลาในการเลี้ยง 6-8 ปี ขนาดของไข่มุกจะมีตั้งแต่ 1–20 mm. ยิ่งนานไข่มุกและหอยจะโตขึ้นพร้อมๆกัน ไข่มุกน้ำจืดสามารถนำมาบดทำเป็นเครื่องสำอางได้ หรือบางท่านก็จะนำมารับประทานเพื่อบำรุงผิวพรรณ หรือตามร้านขายยาจีนก็จะมีไว้จำหน่ายเพื่อปรุงเป็นยาสมุนไพร ผู้ที่ประสบความสำเร็จในการผลิตไข่มุกจากหอยน้ำจืด คือประเทศจีน ประเทศ และญี่ปุ่นฯ
6. ไข่มุกปลอม
เกิดจากมีผู้คิดค้นใช้วิธีทางวิทยาศาสตร์ผลิตขึ้นมาจากพลาสติก แก้ว เปลือกหอยมุก ฯลฯ โดยสร้างสรรค์ให้มีความเหมือนหรือคล้ายกับไข่มุกแท้ แต่ถ้านำมาเปรียบเทียบกันแล้วจะเห็นความแตกต่างกันอย่างชัดเจน เมื่อนำไข่มุกปลอมมาถูกันแล้วจะรู้สึกได้ว่าลื่นๆ ทุกเม็ดจะมีสีหรือขนาดเท่ากันเพราะการผลิตจะผลิตครั้งละจำนวนมากต่อครั้งโดยใช้บล็อกหรือพิมพ์เข้ามาช่วย
ราคาของไข่มุกแตกต่างกันอย่างไร
สังเกตที่ สีของไข่มุก ความมันวาว มีตำหนิมากน้อย รูปทรง ขนาดใหญ่หรือเล็ก การเพาะเลี้ยงไข่มุกจะไม่ได้ผล100%วิธีการเลี้ยงไข่มุกน้ำจืดและน้ำเค็มไม่แตกกันสักเท่าไหร่หอยที่นำไปเลี้ยงอาจจะตายระหว่างการเลี้ยงไปประมาณ 50%เหลือ50%จะต้องนำมาคัดเกรดสวยๆจะเหลือประมาณ5% ดังนั้นราคาจึงมีความแตกต่างกัน ไข่มุกน้ำจืดจะมีราคาจากระดับหลักสิบ ไปถึง หลักหมื่นบาทต่อเม็ดไข่มุกน้ำเค็ม มีหลายชนิดด้วยกันส่วนราคาก็จะอยู่ประมาณหลักพัน –หลักแสน บาทต่อเม็ดเลยทีเดียว
ชนิดของหอยที่สามารถผลิตไข่มุก
ชนิดของหอยที่สามารถผลิตไข่มุกได้มีหลากหลายสายพันธ์และให้ผลผลิตที่แตกต่างกันออกไป
ชื่อของไข่มุกและชนิดของหอย
1. AKOYA PEARL - ไข่มุกอะโกย่า
เป็นผลผลิตจากหอยที่มีชื่อเรียกทางวิทยาศาสตร์ว่า PINCTADA FUCATA มีชื่อสามัญว่า VULGARIS เรียกขานกันเท่าไป คือไข่มุกญี่ปุ่นนั้นเอง ซึ่งให้ผลผลิตไข่มุก สีขาว สีขาวอมชมพู สีขาวนวล สีขาวอมเหลือง ชาวบ้านเรียกชื่อหอยชนิดนี้ว่า หอยแกลบ หอยมุกกระแจะ หอยมุกกะจิก
2. SOUTH SEA PEARL - PINCTADA MAXIMA
เป็นผลผลิตจากหอยที่มีชื่อเรียกทางวิทยาศาสตร์ว่า PINCTADA MAXIMA หรือ WHITE LIPPED, SILVER LIPPED, GOID LIPPED ซึ่งจะให้ผลผลิตไข่มุก สีขาว สีเงิน สีทอง สีเหลือง
3. SOUTH SEA PEARL - PINCTADA MARGARITIFERA
เป็นผลผลิตจากหอยที่มีชื่อเรียกทางวิทยาศาสตร์ว่า PINCTADA MARGARITIFERA หรือ BLACK LIPPED ซึ่งจะให้ผลผลิตไข่มุกกลุ่ม สีเทา, สีดำ, สีเขียวปีกแมงทับ ชาวบ้านเรียกชื่อหอยนี้ว่า หอยจาน เพราะมีรูปร่างลักษณะแบนๆเหมือนจาน
4. MABE PEARL
เป็นผลผลิตจากหอยที่มีชื่อเรียกทางวิทยาศาสตร์ว่า PTERIA PENGUIN BLACK-WINGED PEARL OYSTER ทั่วไปเรียกหอยชนิดนี้ว่า หอยปีกนก, หอยมุกกวาง, หอยนางรมปีก, หรือหอยมุกกัลปังหา ซึ่งจะให้ผลผลิตเป็นไข่มุกซีก หรือ HEMISPHERICAL กลุ่มสี ขาวนวนๆ ขาวอมเทา สีทอง ม่วงอมเทา
หอยไข่มุกน้ำจืด - FRESH WAPEARL หรือ SWEET PEARL
เป็นผลผลิตจากหอยมุกน้ำจืด ซึ่งมีอยู่หลายชนิดด้วยกัน
1. มุกน้ำจืดชนิด HYRIOPSIS CUMINGLL เป็นหอยมุกที่ใช้เลี้ยงในประเทศจีนส่วนใหญ่ และที่จังหวัดกาญจนบุรี, ระนอง
2. หอยมุกน้ำจืดชนิด HYRIOPSIS SCHLEGELI เป็นหอยที่นิยมเลี้ยงในประเทศญี่ปุ่น โดยมีถิ่นกำเนิดที่ทะเลสาบบิวา BIWA LAKE เรียกชนิดไข่มุกนี้ว่า BIWA PEARL เป็นไข่มุกน้ำจืดที่ได้รับความนิยมมาก เพราะผิวไข่มุกมันวาวสวยงามมาก
3.. หอยมุกน้ำจืดชนิด ANODONTA CALYPIGOS เป็นหอยที่มีการเพาะเลี้ยงบริเวณแม่น้ำมิสซิสซิปปี ซึ่งให้ผลผลิตไม่มากนัก
4. หอยมุกน้ำจืดชนิด CRISTARIA PLICATA หอยชนิดนี้ไม่ค่อยนิยมเลี้ยง เพราะมีความยุ่งยาก
ไข่มุกดำ ไข่มุกทอง ไข่มุกสีต่างๆ
PINCTADA MARGARITIFERA หรือ BLACK LIPPED PEARL OYSTER ให้ผลผลิตไข่มุกสีดำ สีดำอมน้ำตาล สีดำอมทอง สีเขียวปีกแมลง ฯลฯ
1. PINCTADA MAXIMA หรือ WHITE LIPPED PEARL OYSTER ให้ผลผลิตไข่มุกสีขาว สีเงิน สีครีม สีเหลืองอ่อน สีทอง ฯลฯ
2. PTERIA PENGUIN BLACK หรือ WINGED PEARL OYSTER หรือ MABE ให้ผลผลิตไข่มุกสีขาว สีครีม สีขาวอมชมพู สีเหลือง สีน้ำตาล สีเทา ฯลฯ
3. NORDOTIS DISCUSS HANAI หรือ ABALONE ให้ผลผลิตมุกสีเขียว สีน้ำเงิน สีชมพู สีม่วง สีเงิน สีครีม ฯลหอยไข่มุกน้ำจืด
4. HYRIOPSIS SCHLEGELI หรือ BIWA PEARL ให้ผลผลิต ไข่มุก สีขาว สีเหลือง สีทอง
5. HYRIOPSIS CUMINGII ให้ผลผลิตไข่มุก สีขาว สีขาวงาช้าง สีโอรส สีโอรสอมทอง สีชมพู สีชมพูอมม่วง สีดำอมม่วง สีขาวอมเทา
หอยน้ำจืดและน้ำเค็มที่กล่าวมาทั้งหมดนี้จะเป็นที่นิยมนำมาเลี้ยงไข่มุก แต่ผลลัพธ์จากการผลิตก็จะแตกต่างกันออกไป